มาเทออ คอวาชิช

มาเทออ คอวาชิช (Mateo Kovacic) เกิดในวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1994 เป็นนักฟุตบอลชาวโครเอเชีย โดยปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับสโมสรฟุตบอลเชลซีในพรีเมียร์ลีกและทีมชาติโครเอเชีย (ปี 2020)

ประวัติของ มาเทออ คอวาชิช

มาเทออ คอวาชิชเป็นกองกลางชาวโครเอเชียที่เกิดที่เมืองลินซ์ในประเทศออสเตรีย และเขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลกับอคาเดมี่ของทีมลาสค์ ลินซ์ ทีมดังของเมืองตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ในโครเอเชียกับทีมดินาโม ซาเกร็บ ที่ถือว่าเป็นทีมระดับแนวหน้าของประเทศในปี 2007 ซึ่งเขาอยู่กับทีมในเมืองหลวงนี้จนได้ก้าวขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ในปี 2011

ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น แต่ด้วยฝีเท้าที่เกินอายุทำให้เขากลายเป็นนักเตะตัวหลักของทีมอย่างรวดเร็ว และสามารถทำให้ทีมคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน จนฟอร์มไปเตะตาอินเตอร์ มิลาน ทีมดังของอิตาลีจนต้องมาทุ่มเงินถึง 15 ล้านยูโรดึงตัวไปร่วมทีมในปี 2013 ซึ่งถึงแม้ว่าตอนนั้นคอวาชิชจะยังอายุน้อย แต่เขาก็สามารถเบียดลงสนามให้กับทีม “งูใหญ่” ได้ตลอด และถึงแม้ว่าฟอร์มของทีมจะไม่ได้ประสบความสำเร็จเลยในช่วง 2 ปีครึ่งที่เขาเล่นในถิ่นจูเซ็ปเป้ เมียซซ่า แต่ผลงานส่วนตัวของเขาถือว่าโดดเด่นมากจนทำให้เรอัล มาดริด ทีมดังของสเปนมาทุ่มเงิน 29 ล้านยูโรคว้าตัวไปร่วมทีม

ซึ่งอินเตอร์ มิลานต้องจำใจขายเพราะพวกเขาเสี่ยงที่จะถูกลงโทษจากกฎไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ในตอนปี 2015 ซึ่งก็เหมือนว่าเป็นการย้ายทีมที่มาถูกช่วงเวลาพอดี เพราะหลังจากนั้นทีม “ราชันย์ชุดขาว” ก็เปลี่ยนกุนซือมาเป็นซีเนอดีน ซีดาน และพวกเขาก็ประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน ถึงแม้ว่าคอวาชิชจะไม่ได้เป็นตัวจริงในตอนนั้น แต่เขาเป็นตัวเลือกแรกในการเปลี่ยนตัวในแดนกลางของทีม ซึ่งเขาสามารถเล่นทดแทนบทบาทของลูก้า โมดริช, โทนี่ โครสส์ หรือแม้แต่คาเซมิโร่ได้อย่างดี

แต่สุดท้ายหลังการจากไปของซีดาน ทำให้คอวาชิชถูกปล่อยมาให้กับเชลซียืมตัวในปี 2018 ก่อนที่ทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” จะตัดสินใจซื้อขาดในที่สุด

ผลงานในระดับชาติของมาเทออ คอวาชิช

คอวาชิช เป็นนักเตะโครเอเชียที่โด่งดังมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขาติดทีมชาติตราหมากรุกมาทุกชุดตั้งแต่ชุดยู 14 ก่อนที่จะก้าวขึ้นทีมชุดใหญ่ในปี 2013 และมีชื่ออยู่ในทีมชาติโครเอเชียทุกทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ รวมถึงการเป็นตัวจริงของทีมชาติโครเอเชียในฟุตบอลโลก 2018 ที่พวกเขาผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับทีมชาติฝรั่งเศสด้วย ถึงแม้ว่าจะแพ้ในรอบชิงชนะเลิศไป 2-4 ก็ตาม

หมายเหตุ ขอขอบคุณภาพจาก www.premierleague.com

 1,939 total views,  1 views today

0/5 (0 Reviews)
Share