กีฬาปิงปอง หรือ เทเบิลเทนนิส กับประวัติความเป็นมา

หากนึกถึงกีฬาในร่มที่สามารถเล่นกับเพื่อนได้อย่างสนุกสนาน แถมวิธีการเล่นไม่ยากจนเกินไป หลายคนต้องนึกถึง กีฬาปิงปอง อย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ปิงปองยังช่วยฝึกความคิด และไหวพริบในการตีโต้กับคู่แข่งไปมา

หลักการเล่น กีฬาปิงปอง ที่ถูกต้อง

กีฬาปิงปอง จัดเป็นกีฬาที่สามารถเล่นได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้สูงอายุก็สามารถตีปิงปองได้ แถมกีฬาชนิดนี้ยังสามารถได้เล่นทั้งแบบเดี่ยว และแบบคู่ ถือเป็นกีฬาที่ต้องมีความสามัคคีและความเข้าใจซึ่งกันและกัน

โดยหลักในการเล่น กีฬาปิงปอง ผู้เล่นต้องอยู่คนละด้านของโต๊ะปิงปอง และตีลูกตอบโต้กันไปมาให้ข้ามเน็ตกั้นตรงกลางของโต๊ะ ซึ่งผู้เล่นจะมีสิทธิ์ในการปล่อยลูกปิงปองกระเด้งลงบนโต๊ะฝั่งของตัวเองได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น จากนั้นจึงตีลูกกลับไปฝั่งตรงข้าม หรือจะตีตอบโต้ทันที โดยไม่ปล่อยให้ลูกกระเด้งลงโต๊ะก็สามารถทำได้ แต่หากลูกปิงปองที่ตีไปไม่ลงโต๊ะฝั่งตรงข้าม หรือติดเน็ต ฝั่งตรงข้ามก็จะได้แต้มไป 1 แต้ม ใครที่ได้ 11 คะแนนก่อน จะฝ่ายที่ชนะ

จุดกำเนิดของกีฬาปิงปอง ในครั้งแรก

กีฬาปิงปอง มีอายุมากกว่า 130 ปี โดยมีจุดกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2433 ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าปิงปองมีจุดกำเนิดที่ประเทศจีน แต่แท้จริงแล้ว กีฬาชนิดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ โดยในอดีตไม้ปิงปองทำจากไม้หุ้มหนังสัตว์ ส่วนลูกปิงปองใช้ลูกเซลลูลอยด์ที่ทำจากพลาสติกกึ่งสังเคราะห์ เวลาที่ลูกตกกระทบกับไม้และพื้นโต๊ะ จะเกิดเสียง “ปิก-ป๊อก” จึงเป็นที่มาของชื่อ “ปิงปอง” และเริ่มแพร่หลายในประเทศยุโรปก่อนจะเข้ามาที่เอเชีย กระทั่งเป็นที่รู้จักมาจนถึงทุกวันนี้

กีฬาปิงปอง คือหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง สามารถเป็นกิจกรรมที่เล่นได้ทั้งครอบครัว ไม่ว่าจะเล่นกับเพื่อน หรือเล่นกับคนอื่น ก็สร้างมิตรภาพได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยฝึกสติปัญญาและไหวพริบให้มีความคล่องแคล่วว่องไวได้อีกด้วย

หมายเหตุ ขอขอบคุณภาพจาก https://www.nintendo.co.za

 1,528 total views,  1 views today