กีฬาขี่ม้า เป็นกีฬาที่มีประวัติอันเก่าแก่ เริ่มแข่งขันกันมาตั้งแต่ 4,500 ปีก่อนคริสตกาล โดยชนเผ่าเร่ร่อนในเอเชียกลาง ซึ่งเป็นชนชาติแรกที่นำม้าป่ามาเลี้ยง
ประวัติของกีฬาขี่ม้า
กีฬาขี่ม้า แพร่หลายในหมู่ชาวอียิปต์โบราณ ชาวกรีก ชาวซีเรีย และชาวบาบีลอน เรียกได้ว่าเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมทั่วโลกมาแต่โบราณ
กีฬาขี่ม้าสายพันธุ์แท้ (Thoroughbred racing) กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอังกฤษ ท่ามกลางเหล่าบรรดาชนชั้นสูง นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมการแข่งขันขี่ม้าจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ “กีฬาของกษัตริย์”
กีฬาขี่ม้าได้รับความนิยมไปทั่วโลก เช่น ในประเทศอังกฤษมีการแข่งขันแกรนด์เนชั่นแนล (Grand National) ในขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีการแข่งขัน เคนทักกี้ เดอร์บี้ (Kentucky Derby) รวมทั้งประเทศในตะวันออกกลางที่เป็นเจ้าของม้าชั้นนำของโลกในขณะนี้
สำหรับประเทศไทย กีฬาขี่ม้าได้เริ่มแพร่หลายในปี พ.ศ. 2519 โดยมีการก่อตั้งสมาคมขี่ม้าขึ้น โดยพลเอกกฤช ปุณณกันต์และคณะ ที่กองพลทหารม้า สนามเป้า เขตพญาไท กรุงเทพ ใช้ชื่อสมาคมนักขี่ม้าสมัครเล่นแห่งประเทศไทย (Thailand Amature Equestrian Association) และในปี พ.ศ. 2520 สมาคมนักขี่ม้าสมัครเล่น แห่งประเทศไทยจึงได้เข้าเป็นสมาชิกสมาคมโอลิมปิกแห่งประเทศไทย
วัตถุประสงค์ของกีฬาขี่ม้า
วัตถุประสงค์ของการกีฬาขี่ม้าก็คือการหาผู้ชนะ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการใช้ทักษะที่ช่ำชองและความเข้าใจในสถานการณ์ของผู้ขี่ม้า ผนวกกับความพร้อมทางร่างกายของตัวม้า
ในการแข่งขันระยะสั้น ก็อาศัยทักษะการแข่งแบบตรงไปตรงมา แต่ในการแข่งขันระยะยาวอย่างแกรนด์ เนชั่นแนล ที่มีการแข่งขันหลายกิโลเมตร ก็ต้องอาศัยเทคนิคของนักขี่ม้า ในการควบคุมความแข็งแกร่งของม้าและวางแผนระยะเวลาเพื่อจะเอาชนะ
ผู้แข่งขันและอุปกรณ์การแข่งขัน
อุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดในการแข่งขันขี่ม้าคือตัวม้านั่นเอง ม้าที่เหมาะสมสำหรับการแข่งขันก็คือ ม้าสายพันธุ์แท้ และม้าอาระเบียน
ซึ่งองค์กรในประเทศต่างๆ ต่างก็มีกฎที่แตกต่างกันไป ว่าจะให้ม้าแข่งภายใต้กฎแบบไหน แต่นักแข่งม้าทุกคนต้องใส่หมวกนิรภัยและใช้แส้เฆี่ยนม้า แส้เฆี่ยนม้าเป็นอุปกรณ์ซึ่งเป็นที่จับตามอง เพราะต้องใช้ในการเฆี่ยนกระตุ้นให้ม้าวิ่งเร็วยิ่งขึ้น ในบางประเทศนักขี่ม้าสามารถให้แส้เฆี่ยนม้าบ่อยแค่ไหนก็ได้ แต่ในบางประเทศอย่างประเทศอังกฤษมีการควบคุมจำนวนครั้งเพื่อป้องกันม้าบาดเจ็บ
ประเภทของกีฬาขี่ม้า
กีฬาขี่ม้าคือการแข่งบนหลังม้า ซึ่งต้องมีม้าตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป ขี่โดยนักขี่ม้าในสนามแข่งม้า โดยตัวที่เข้าเส้นชัยตัวแรกคือผู้ชนะ และถึงแม้ว่าจะมีการจัดแข่งขันขี่ม้าขึ้นอย่างหลากหลาย แต่โดยทั่วไปการแข่งขันขี่ม้าจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
- การแข่งขันทางเรียบ (Flat Racing) : การแข่งขันแบบนี้ม้าจะวิ่งทางตรง หรือทางรูปวงรี โดยไม่มีสิ่งกีดขวางหรือรั้วกั้น
- การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง (Jump Racing) : ม้าจะแข่งขันกันในลู่วิ่ง แต่ต้องกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางหรืออุปสรรค เพื่อที่จะชนะการแข่งขัน
กฎ กติกาของกีฬาขี่ม้า
องค์กรจัดการแข่งขันในชาติต่างๆ ก็ย่อมมีกฎกติกาแตกต่างกันไป ว่าการแข่งขันขี่ม้าควรดำเนินการอย่างไร อย่างไรก็ตาม โดยส่วนมาก จะมีความคล้ายคลึงกัน เพราะมีรากฐานมาจาก British Horseracing Authority’s original rulebook ยกตัวอย่างเช่น
- การแข่งขันทางเรียบ ต้องเริ่มจากประตูปล่อยตัว
- การแข่งม้าข้ามเครื่องกีดขวาง, การแข่งขันกระโดดข้ามรั้ว ต้องเริ่มต้นที่ประตูปล่อยตัวหรือใช้ธงปล่อยตัว
- ในสถานการณ์ที่ผิดปกติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน การแข่งขันม้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน ให้เริ่มปล่อยตัวโดยใช้ธงสัญลักษณ์ตามความเห็นชอบของสจ๊วต
- เมื่อการปล่อยตัวผิดพลาด ต้องมีการประกาศ เช่น ถ้าผู้ปล่อยตัวม้าเห็นว่า มีม้าทะยานออกมาก่อนมีการปล่อยตัว
- นักขี่ม้าต้องพยายามขี่ม้าอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะพยายามชนะการแข่งขัน การไล่ออกจากสนามอาจเกิดขึ้นได้หากสจ๊วตมีความคิดเห็นว่า นักขี่ม้าไม่ได้ทำตามกฏนี้
- นักขี่ม้าต้องขี่ม้าอย่างปลอดภัย วิ่งไปตามลู่แข่งที่กำหนดไว้ และกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางทุกอันที่กำหนดไว้
- นักขี่ม้าต้องวิ่งผ่านเส้นชัยบนหลังม้าเพื่อที่จะเป็นผู้ชนะ
- ส่วนใหญ่มักจะมีการแบ่งจำนวนเงินรางวัลให้แก่ ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ขึ้นอยู่กับการแข่งขัน
การให้คะแนนในกีฬาขี่ม้า
ไม่มีการให้คะแนนในกีฬาขี่ม้า เพราะมันเป็นการแข่งขันที่จะมีผู้ชนะเพียงตัวเดียว อย่างไรก็ตาม ในการพบเจอกันระหว่างการแข่งม้าในบางงาน ก็มีการจัดรางวัลนอกเหนือจากการแข่งขันทั่วไป เช่น รางวัลม้าแต่งตัวดีเด่น ซึ่งเป็นการให้คะแนนสภาพร่างกายของม้าและการนำเสนอตัวม้านั้น
การชนะการแข่งขัน
เพื่อการชนะการแข่งขัน นักขี่ม้าต้องควบคุมทิศทางการวิ่งของม้า กระโดดข้ามสิ่งกีดขวางหรือกำแพงแล้ววิ่งเข้าสู่เส้นชัยก่อนม้าที่ร่วมเข้าแข่งขันตัวอื่นๆ
ในบางรายการที่ม้า 2 ตัวขึ้นไปเข้าเส้นชัยพร้อมกัน เมื่อไม่สามารถตัดสินด้วยสายตากรรมการ ก็ต้องมีการนำภาพถ่ายมาแสดง สจ๊วตก็จะทำการตัดสินว่าม้าตัวใดมาก่อนเป็นตัวแรก และเมื่อทำการตัดสินแล้ว พวกเขาก็จะประกาศม้าผู้ชนะ
4,222 total views, 1 views today