ปิงปอง จัดเป็นกีฬาที่ให้ความสนุกสนาน และช่วยสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้ดีอย่างมาก เพราะต้องเคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลา ส่งผลให้คนส่วนใหญ่ชอบเล่นปิงปอง บางคนฝึกเล่นอย่างจริงจัง เพื่อไปแข่งขันชิงรางวัลต่างๆ แต่การจะเล่นปิงปองให้เก่งนั้น อีกข้อที่สำคัญคือ ผู้เล่นจำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ กฎปิงปอง ไปพร้อมกันด้วย
กฎปิงปอง มีอะไรบ้าง
สำหรับ กฎปิงปอง โดยเฉพาะนักกีฬามือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นฝึก คุณสามารถศึกษาเรียนรู้กฎได้ดังนี้
- ผู้เล่นที่ทำแต้มได้ 11 แต้ม คือผู้ชนะ หลายคนคุ้นชินกับ กฎปิงปอง ที่เล่นเพียง 5 ลูก และใครได้ถึง 3 ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะในทันที นั่นคือกฎกฏิกาที่ถูกตั้งจากกลุ่มเพื่อน เพื่อให้มีการเปลี่ยนผู้เล่นและจบเกมได้ไวมากขึ้น แต่แท้จริงแล้ว การเล่นปิงปองผู้ที่ทำแต้มได้ถึง 11 แต้มก่อน จะเป็นฝ่ายชนะในเกมนั้น อีกทั้งต้องแข่งขันกันภายใน 3 ใน 5 เกม
- โยนเหรียญหาคนเสิร์ฟ หากเป็นการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ กรรมการจะโยนเหรียญและให้ผู้เล่นทั้งสองฝั่งเลือกด้านของเหรียญ หากเหรียญออกที่ด้านไหน ฝั่งนั้นจะได้เป็นคนเสิร์ฟเปิดเกม ซึ่งสามารถกุมความได้เปรียบในแต้มนั้นได้
- ต้องเสิร์ฟให้ถูกต้อง กฎปิงปอง สำหรับการเสิร์ฟนั้นเปรียบเสมือนท่าไม้ตายของนักเล่นปิงปองทุกคน เพราะสามารถทำคะแนนได้ภายในครั้งเดียว หากมีวิธีการเสิร์ฟที่เก่งกาจ เช่น การใช้เทคนิคในการสปินลูกที่เยี่ยมยอด แต่ก็มีหลายคนที่ตกม้าตายเพราะเสิร์ฟผิด ซึ่งการส่งลูกที่ถูกต้อง จะต้องมีการเปิดฝ่ามือ และโยนลูกปิงปองขึ้น 6 นิ้ว ก่อนจะตีลูกออกไปฝั่งตรงข้าม หากมีการแฉลบกับตาข่าย จะต้องทำการเสิร์ฟใหม่
- แต้มเสมอ ต้องดิวซ์ หากผู้เล่นทั้งสองฝั่งทำแต้มเท่ากันที่ 10 – 10 คะแนน จะต้องมีการเอาชนะด้วย 2 คะแนน หรือที่คนส่วนใหญ่เรียกว่าดิวซ์ โดยตาม กฎปิงปอง ใครที่ทำแต้มได้เพิ่ม 2 แต้มก่อนจะเป็นฝ่ายชนะในเกมนั้น
- จบเกมต้องเปลี่ยนฝั่ง ในการแข่งขันจริงจะแข่งกัน 3 ใน 5 เซต เมื่อจบแต่ละเซต นักกีฬาจะต้องเปลี่ยนฝั่ง และเปลี่ยนเสิร์ฟในทันที
กฎปิงปอง ไม่ได้ยากอย่างที่คุณคิด หากใครที่ชื่นชอบและเล่นเป็นประจำ สามารถพัฒนาฝีมือและไปลงแข่งในรายการแข่งขันได้ ส่วนเรื่องของกติกาอยู่ที่การฝึกซ้อมเป็นประจำ จะช่วยให้สามารถจดจำกฎและวิธีการเล่นได้มากยิ่งขึ้น
หมายเหตุ ขอขอบคุณภาพจาก https://hrd.sat.or.th
3,854 total views, 1 views today